5 วิธีป้องกันไวรัสคอมพิวเตอร์ แบบง่าย ๆ

25 ก.พ. 2553


ไวรัสสำหรับคอมพิวเตอร์ ก็คล้าย ๆ กับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของโรคหวัดของเรานั่นแหละ นอกจากจะทำร้ายคอมพิวเตอร์ของเรา ยังอาจลุกลามไปถึงเครื่องคนอื่นได้ โดยเฉพาะในออฟฟิศหรือสำนักงาน มาป้องกันไวรัสด้วยวิธีง่าย ๆ


อย่าเปิดอ่านอีเมลแปลก ๆ เวลาที่คุณเช็กอีเมล ถ้าเผอิญเจออีเมล์ชื่อแปลก ที่ไม่รู้จักให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าต้องมีไวรัสแน่นอน แม้ว่าชื่อหัวข้ออีเมลจะดูเป็นมิตรแค่ไหน ก็อย่าเผลอกดเข้าไปเด็ดขาด


ใช้โปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัส (Anti-virus) ต้องยอมรับว่า ไม่มีโปรแกรมตรวจจับและกำจัดไวรัสโปรแกรมใดสมบูรณ์แบบ จะต้องอัพเดตโปรแกรมที่ใช้ตรวจจับและกำจัดไวรัสอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ครอบคลุมถึงไวรัสชนิดใหม่ ๆ


อย่าโหลดเกมมากเกินไป เกมคอมพิวเตอร์จากเว็บไซต์ต่าง ๆ อาจมีไวรัสซ่อนอยู่ ไม่ควรโหลดมาเล่นมากเกินไป และควรโหลดจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น บางทีเว็บไซต์จะมีเครื่องหมายบอกว่า "No virus หรือ Anti virus" อยู่แบบนี้ถึงจะไว้ใจได้


สแกนไฟล์ต่าง ๆ ทุกครั้งก่อนดาวน์โหลดไฟล์ทุกประเภท ควรทำการสแกนไฟล์ รวมทั้งข้อมูลจากภายนอกก่อนเข้ามาใช้ในเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น CD, Diskette หรือ Handydrive ต้องใช้โปรแกรมค้นหาไวรัสเสียก่อน


หมั่นตรวจสอบระบบต่าง ๆ ควรตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร์อย่างสม่ำเสมอ เช่น หน่วยความจำ, การติดตั้งโปรแกรมใหม่ ๆ ลงไป, อาการแฮงค์ (Hang) ของเครื่องเกิดจากสาเหตุใด บ่อยครั้งหรือไม่ ซึ่งคุณอาจจะต้องติดตั้งโปรแกรมพวกบริการ (Utilities) ต่าง ๆ เพิ่มเติมในเครื่องด้วย


Tip ... รู้ได้อย่างไรว่าคอมพิวเตอร์ติดไวรัสแล้ว


1. การทำงานของคอมพิวเตอร์ช้าลงกว่าปกติ


2. คอมพิวเตอร์หยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ


3. อยู่ดี ๆ ข้อมูลบางอย่างก็หายไป


4. ตัวเครื่อง Restart เองโดยไม่ได้สั่ง


5. แป้นพิมพ์ทำงานปกติหรือไม่ทำงานเลย

ถ่ายทอดความรู้ระหว่าง https กับ http‏

8 ก.พ. 2553

ใครที่ทำธุรกรรมทางการเงินผ่าน Internet
ต้องดู http ให้ดี ต้องมี "s" ทุกครั้ง https
ถ้าไม่ S อันตรายมาก



เตือนภัยจากเครื่องพิมพ์เลเซอร์

20 ธ.ค. 2552




วารสาร'ฉลาดซื้อ'ฉบับล่าสุด(ฉบับที่ 80)ได้นำเสนอผลการวิจัยทางวิชาการของ ห้องปฏิบัติการนานาชาติเพื่อคุณภาพของอากาศและสุขภาพของมหาวิทยาลัย ควีนส์แลนด์ โดยระบุว่า

สิ่งที่ได้ทราบจากงานวิจัยชิ้นนี้คือ เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ที่เราใช้กันอยู่ในสำนักงาน ปล่อยอนุภาคที่เป็นอันตรายต่อปอด และระบบทางเดินหายใจของเรา มากน้อยแค่ไหน และเราเชื่อว่า ผลการวิจัยดังกล่าว น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านฉลาดซื้อ เพราะคุณอาจเป็นอีกหนึ่งคน ที่ใช้เวลาอยู่ในสำนักงาน วันละไม่ต่ำกว่า 7 ชั่วโมงเครื่องพิมพ์เลเซอร์นั้นเป็นที่นิยมกันมากขึ้น เพราะต้นทุนในการพิมพ์ต่อแผ่นต่ำกว่าเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ท และงานพิมพ์ที่ออกมาก็ดูสวยงาม สมเป็นมืออาชีพ แต่อีกปัจจัยที่เราไม่อาจละเลยคือ เรื่องของคุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา องค์การอนามัยโลกเคยประเมินไว้ว่า 1 ใน 3 ของอาคารในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีปัญหามลพิษกันทั้งสิ้น และคุณภาพของอากาศ ที่เราหายใจเข้าไปทุกวันนั้น ก็เป็นที่สนใจของนักวิจัยกันไม่น้อย แต่เรื่องการปล่อยอนุภาคของหมึกพิมพ์นั้น ยังไม่ค่อยมีคนศึกษาไว้มากนัก อนุภาคที่ถูกปล่อยออกมาขณะพิมพ์งาน และฟุ้งกระจายอยู่ในสำนักงานนั้น มีขนาดเล็กมาก นักวิชาการบอกว่า อนุภาคฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมโครเมตรนั้น เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ เนื่องจาก มันสามารถแทรกซึมผ่านระบบหายใจ เข้าไปเกาะที่เซลล์ปอด ถ้าได้รับในปริมาณมาก ที่จะสะสมพอกพูน จนเกิดเป็นพังผืดหรือแผลขึ้น นำไปสู่อาการหลอดลมอักเสบ หอบหืด หรือถุงลมโป่งพองได้อีกสาเหตุ ที่อนุภาพขนาดเล็ก เป็นอันตรายต่อเรา มากกว่าอนุภาพขนาดใหญ่นั้น ก็เพราะมันสามารถ ลอยวนไปเวียนมาอยู่ในอากาศ ได้เป็นเวลานาน เนื่องจากมันน้ำหนักเบา ยิ่งเล็กมากก็ยิ่งลอยอยู่ได้นานมาก ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า อนุภาคที่เล็กกว่า 0.5 ไมครอนนั้น สามารถแขวนอยู่ในอากาศ ได้ถึงหนึ่งปีเลยทีเดียวผลการวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่า มีเครื่องพิมพ์บางรุ่นที่ไม่ปล่อยอนุภาพผงหมึกขนาดเล็กออกมาเลย ในขณะที่บางรุ่นนั้นปล่อยออกมาค่อนข้างมากทีเดียว ดังนั้นงานวิจัยชิ้นนี้ จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่ต้องการข้อมูลด้านความปลอดภัย ก่อนจะตัดสินใจซื้อเครื่องพิมพ์มาใช้ในสำนักงาน หรือใชส่วนตัวที่บ้านหนังสือพิมพ์ และสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง ก็ลงเรื่องผลวิจัยดังกล่าว แต่ยังไม่มีใครลงรายชื่อเครื่องพิมพ์ ฉลาดซื้อเลยถือโอกาสนี้ นำเสนอซะเลยแต่ทั้งนี้ ขอย้ำอีกทีว่า งานวิจัยชิ้นนี้ไม่ใช่การทดสอบคุณภาพด้านอื่น ๆ ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์ รุ่นที่เรากล่าวถึงแต่อย่างใด
ข้อสังเกต
อายุของแคร่หมึก มีผลต่อการปล่อยอนุภาค โดยแคร่หมึกเก่านั้น ทำให้กิดอนุภาคขนาดเล็ก มากกว่าแคร่หมึกใหม่ ถึงแม้ว่าโดยรวมแล้ว มันจะทำให้เกิดจำนวนอนุภาคโดยรวม น้อยกว่าแคร่หมึกใหม่ก็ตาม
วิธีการสำรวจ
นักวิจัยวัดการปล่อยอนุภาค ของเครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์ ที่ใช้กันในอาคาร 6 ชั้นแห่งหนึ่ง ในย่านธุรกิจของเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย อาคารแห่งนี้ มีการวางผังสำนักงาน เป็นแบบเปิดโล่ง ตั้งอยู่ห่างจากทางหลวงที่จอแจ ประมาณ 120 เมตร และมีเครื่องพิมพ์เลเซอร์ ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ของอาคาร ทั้งหมด 62 เครื่อง (บางรุ่นมีมากกว่าหนึ่งเครื่อง)
ผู้วิจัยทดสอบโดยการวัดปริมาณอนุภาค ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับเครื่องพิมพ์ ในสำนักงานแบบเปิดโล่ง ขนาดใหญ่ หลังจากทำงานพิมพ์เสร็จ 1 แผ่น
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาลักษณะการปล่อยอนุภาคของเครื่องพิมพ์ 3 รุ่น ในห้องทดลองด้วยทำให้พบว่า อัตราการปล่อยอนุภาคนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของเครื่องพิมพ์ ลักษณะของการห่อหุ้มผงหมึกและอายุการใช้งานของแคร่หมึกด้วย
ผลการวิจัย
นักวิจัยพบว่าอนุภาคที่ปล่อยออกมาจากเครื่องพิมพ์นั้น เป็นสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของผงอนุภาคขนาดเล็กในสำนักงาน และได้แบ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์ดังกล่าวออกเป็น 4
ประเภท ได้แก่
1. รุ่นที่ไม่ปล่อยอนุภาคของผงหมึกเลย
2. รุ่นที่ปล่อยอนุภาคของผงหมึกในระดับต่ำ
3. รุ่นที่ปล่อยอนุภาคของผงหมึกในระดับกลาง
4. รุ่นที่ปลอยอนุภาคของผงหมึกในระดับสูง
ข้อแนะนำ
ตำแหน่งที่ตั้งเครื่องพิมพ์ในสำนักงานนั้น ควรอยู่ในบริเวณที่อนุภาคจากผงหมึก สามารถกระจายออกไปนอกตัวอาคารได้ง่าย
และที่สำคัญ เพื่อให้เข้ากับยุครณรงค์ลดโลกร้อน นอกจากต้องยืดอกพกถุงผ้าแล้ว เราก็อาจจะช่วยกันสั่งพิมพ์งานให้น้อยลง เพราะถึงแม้เครื่องพิมพ์ที่เราใช้ จะไม่ได้ปล่อยอนุภาคผงหมึก ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ออกมาฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ แต่การสั่งพิมพ์งานแต่ละครั้ง ก็หมายถึงค่าใช้จ่ายอย่างค่าผงหมึก ค่าบำรุงรักษา ค่าไฟฟ้า และการสิ้นเปลืองกระดาษอีกด้วย

เคล็ดลับ เลือกซื้อ USB Air Card แบบโดนโดน

30 พ.ย. 2552

ปกติเชื่อมต่อแบบ USB อยู่แล้วลองมองรอบๆโน้ตบุ๊คว่ามีพอร์ต USB กี่ช่องหรือจะใช้แบบ ExpressCard / PCMCIA แทนดี อย่าลืมว่าเม้าส์ก็กินพอร์ต USBไปร่วมช่องนึงแล้ว ปกติจะรองรับเครือข่าย900MHz / 1800MHz ก็คือ AIS, Dtac, Truemoveส่วน Hutch จะต้องใช้แบบที่รอรับ CDMA ด้วย ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อสมัครแพ็คเก็จก่อน
ช่วงแรกๆอาจจะมีโปรโมชั่นแถม เช่น 20 ชั่วโมง ฟรี 20 ชั่วโมงรวมเป็น 40 ชั่วโมงใน 3 เดือนแรก เป็นต้น อย่างในภาพยิ่งดีใหญ่อินเตอร์เน็ต 500 ชั่วโมงแค่นี้ก็คุ้มแล้ว อย่างน้อยๆเราใช้ปกติเดือนนึงๆถ้าใช้ไม่มากก็20 - 40 ชั่วโมงสำหรับบางรุ่นที่บอกว่ารองรับ3G / 3.5G นั้นจะต้องพิจารณาเรื่องของพื้นที่ให้บริการในการใช้งานด้วยเพราะตอนนี้ 3GSM ใช้งานได้ที่เชียงใหม่และ CentralWorldสิ่งสุดท้ายก็คือเรื่องของการติดตั้งไดร์เวอร์เท่าที่ลองๆดู บางรุ่นจะมี Mini CD แถมมาให้ด้วย แต่ปัญหาคือ หากเป็น Netbook ล่ะทำยังไง เพราะว่าไม่มี DVD Drive มาให้ด้วยจะมีบางรุ่นที่ Built-in driver มาในตัวเลยเพราะยังไงมันก็เป็น USB FlashDrive ด้วยในตัวได้อยู่แล้วก็เลยฝังไดร์เวอร์มา แค่เสียบกับเครื่อง ก็ติดตั้งให้อัตโนมัติเลยแค่นี้ก็หมดห่วงแล้ว
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย
- เราใช้ Vista, XP หรือ linux สอบถามคนขายให้ดี - บางรุ่นรองรับ Mac ด้วย - การรับประกัน - ปรึกษาผู้ให้บริการ - USB Air Card ก็โทรออกได้ โดยจะมี Small Talk ให้ด้วย
- โทรออก รับสายก็ใช้โปรแกรมที่มาในแผ่นซีดีหรือบิวท์อินมา
- รู้เรื่องการ Test Speed ไว้สักนิดก็ดี - เวลาเกิดปัญหา ต่อเน็ตไม่ได้ ก็ลองเอาซิมใส่มือถือ ถ้าเข้า WAP ได้ก็โอเค แต่ถ้าจะแจ้งปัญหาการใช้งานก็ต้องแจ้งสถานที่ที่ใช้งาน ชื่อถนน ตรอก ซอย เพื่อให้ผู้ให้บริการตรวจสอบและแก้ปัญหาให้ แค่นี้คุณก็จะได้ Air Card คู่ใจไปให้งานได้ทุกที่ (ที่มีสัญญาณ EDGE/GPRS) ส่วนการใช้งานในต่างประเทศก็ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการดูนะ
ข้อดีของการใช้งาน

Air Cardก็คือเรื่องของความสะดวกในการเชื่อมต่อเพราะมีขนาดพอๆกับUSB Flash Drive ปกติมีช่องใส่ซิมการ์ดเหตุผลที่ต้องใช้การเชื่อมต่อผ่าน Air Card แบบ USBก็คือ การใช้มือถือต่อนั้นหากเวลาเราเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตอยู่แล้วมีคนโทรเข้ามาในกรณีที่เราใช้เบอร์หลักต่ออินเตอร์เน็ตร่วม4 - 5 ชั่วโมงคนที่ติดต่อมาก็ไม่ได้หลายคนก็เลยเริ่มๆจะมองหา Net SIM มาใช้ที่นี้ USB Air Card หลายๆเจ้าก็จับมือกับผู้ให้บริการมือถือแถมNet SIM และชั่วโมงการใช้งานไปพร้อมๆกับ USBAirCard เรียกว่าใช้อินเตอร์เน็ตได้ทันที

ประดิษฐ์เกมกดให้สามารถเตือนเบาหวาน

12 พ.ย. 2552


นักวิจัยได้พัฒนาเกมกดให้ช่วยเตือนเด็กที่เป็นเบาหวานตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดก่อนตัวเองจะเป็นอันตราย

นักวิจัยได้พัฒนาระบบ Didget ให้ใช้กับเครื่องเล่นเกมนินเทนโด ดีเอส ซึ่งเป็นขนาดพกพาเพื่อกระตุ้นให้คนเล่นเกมที่เป็นเด็กวัยรุ่น ตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผู้เล่นสามารถดาวน์โหลดผลการตรวจลงบนเครื่องเล่นเกมและเปลี่ยนเป็นคะแนนได้

ในปัจจุบัน มีเด็กในอังกฤษ 25,000 คน ที่เป็นเบาหวาน ซึ่งต้องการการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง การตรวจวัดอยู่เป็นประจำเป็นสิ่งซ้ำซากจำเจ น่าเบื่อ แต่ถ้าไม่ทำก็จะเกิดผลเสียต่อร่างกาย เช่น โรคหัวใจ และตาบอดได้

ผู้เชี่ยวชาญสุขภาพย้ำความสำคัญของผู้ป่วยเบาหวานในการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ และในระยะไม่กี่ปีมานี้ เทคโนโลยีช่วยทำให้วิธีการตรวจง่ายดายขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ เครื่องตรวจวัดที่ใช้ควบคู่กับเครื่องเล่นเกมกด แม้ระบบที่ว่านี้ไม่ได้ผลิตด้วยบริษัทนินเทนโด แต่ก็สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องเล่นเกมกดของนินเทนโดได้ สนนราคาของอุปกรณ์ต่อพ่วงนี้ 29.99 ปอนด์ (1,680 บาท)

แนวคิดการประดิษฐ์เครื่องตรวจวัดสุขภาพใช้งานกับเครื่องเล่นเกม ได้แพร่ขยายไปถึงการใช้เครื่องเล่นเกม นินเทนโด วี ฟิต พลัส เป็นส่วนหนึ่งของโครงการลดน้ำหนักและโหมโฆษณาทางโทรทัศน์อย่างจริงจัง ซึ่งโปรแกรมที่จะโหลดใส่ในเครื่องเล่นเกมก็ได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษอย่างเป็นทางการแล้ว

อินเตอร์เน็ต อายุครบ 40 ปี แล้วนะ


ศ.ลีโอนาร์ด ไคลร็อก วัย 75 ปี แห่งมหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมบุกเบิกเครือข่ายคอมพิวเตอร์ออนไลน์ กล่าวว่า วันที่ 29 ตุลาคม จัดเป็นวันถือกำเนิดของระบบอินเทอร์เน็ต เขากล่าวว่า ยุคอินเทอร์เน็ตทำให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังเป็นที่มาของเว็บสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และยูทูบ ขณะที่ด้านลบของอินเทอร์เน็ตคือการผุดอีเมลขยะ และซอฟต์แวร์เถื่อน รวมทั้งพวกหาประโยชน์จากการติดต่ออินเทอร์เน็ต

ศ.ไคลร็อก เล่าว่า จุดกำเนิดของอินเทอร์เน็ตมาจากคณะทำงานที่มหาวิทยาลัยยูซีแอลเอ พยายามพิมพ์อักษร LOG แต่การเชื่อมต่อขาดหายไปก่อนที่จะพิมพ์ตัว G ได้สำเร็จ ซึ่งถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของการส่งข้อความติดต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ 2 เครื่องที่อยู่ห่างกัน และต่อมามีชื่อเรียกว่าอินเทอร์เน็ตจนถึงทุกวันนี้

เตือนภัย เหน็บมือถือกับเอวเป็นโทษ

2 พ.ย. 2552


เตือนผู้ที่เหน็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่เอว อาจจะสนใจบ้าง เมื่อมีข่าวว่ารังสีแม่เหล็กไฟฟ้าของมัน ทำให้ความหนาแน่นของกระดูกแถวสะโพก มักเอาไปใช้ในการปลูกถ่ายกระดูกอยู่เสมอ ให้บางลงได้
คณะนักวิจัยของ ดร.ทอลกา อาทาย มหาวิทยาลัย สุไลมาน เดมิเรล ของตุรกี ได้พบว่า การโดนถูกสนามรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานานๆ อาจทำให้กระดูกบางลงได้ ซึ่งอาจจะกระทบถึงผลของการทำศัลยกรรมปลูกถ่ายกระดูก
นักวิจัยได้ตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกตรงปีกสะโพกทั้ง 2 ปีก ของผู้ที่เหน็บโทรศัพท์อยู่กับเข็มขัด จำนวน 150 คน เปรียบเทียบกัน บุคคลเหล่านี้ต่างพกโทรศัพท์กับตัวอยู่นานวันละ 15 ชม. และใช้มานานเฉลี่ยคนละ 6 ปีแล้ว ได้ผลว่ากระดูกปีกสะโพกข้างที่เหน็บโทรศัพท์อยู่เป็นประจำ มีความบางลงเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงมีนัยสำคัญทางสถิติ และไม่มากเท่าขนาดที่เห็นในผู้เป็นโรคกระดูกพรุน แต่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า คนเหล่านั้นยังเพิ่งมีอายุเฉลี่ย 32 ปี ด้วยกัน ความหนาแน่นของกระดูกอาจจะลดน้อยลงไปอีกได้
กระดูกบริเวณนั้น มักจะถูกใช้ในการผ่าตัดปลูกถ่ายกระดูกอยู่ประจำ ดังนั้นหากคุณสมบัติเสื่อมลง ก็อาจจะเกิดผลเสียกับการผ่าตัดฟื้นฟูให้กลับคืนสภาพได้
คณะนักวิจัยบอกสรุปความเห็นว่า "ถึงจะอย่างไร ควรจะเอาโทรศัพท์มือถือให้ห่างตัวเราไว้ในชีวิตประจำวันจะดีกว่า"